วันมหิดล
24 กันยายนของทุกปี
วันที่
24 กันยายน เป็นวันคล้ายวันทิวงคต(เสียชีวิต)ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร
อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (กรมหลวงสงขลานครินทร์)
พระผู้ได้รับการถวายพระสมัญญาภิไธยจากแพทย์แประชาชนทั่วไปว่า
"พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย"
ด้วยพระราชกรณียกิจที่ได้ทรงบำเพ็ญแก่วงการแพทย์
และการสาธารณสุขของประเทศไทยมาตลอดระยะเวลา 12 ปีนั้น
ได้เสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่โรงเรียนแพทย์
อีกทั้งได้ทรงพัฒนาการเรียนการสอน ตลอดจนการผลิตแพทย์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อันเป็นการวางรากฐานแก่การแพทย์ และการสาธารณสุขให้เจริญพัฒนาก้าวหน้าทัดเทียมอารยะประเทศในกาลต่อมา
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจึงได้ขนานนามวันสำคัญนี้ว่า
"วันมหิดล" เพื่อเป็นการถวายสักการะ และน้อมรำลึกต่อพระองค์ท่าน
และในปี พ.ศ. 2493 หรือ 21 ปี หลังจากที่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
ได้ทิวงคต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล บรรดาศิษย์เก่าศิริราช ตลอดจนประชาชนทั่วไป
ได้ร่วมใจกันสร้างพระราชาอนุสาวรีย์ขึ้น ณ ใจกลางโรงพยาบาลศิริราช
เพื่อน้อมเกล้าถวายความกตัญญูกตเวที และเฉลิมฉลองพระเกียรติคุณให้ไพศาล
เป็นแบบฉบับให้อนุชนรุ่นหลังได้เจริญตามรอยพระยุคลบาทสืบไป
โดยมอบให้กรมศิลปากรเป็นผู้ดำเนินการสร้าง มีศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี
เป็นผู้ควบคุมงาน
ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินในพิธีเปิดพระราชอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ.
2493 และนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2494
เป็นต้นมา ทุกวันที่ 24 กันยายน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ได้จัดงาน "วันมหิดล" โดยมีพิธีวางพวงมาลาถวายบังคมพระรูป
พร้อมทั้งอ่านคำสดุดีพระเกียรติ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
เป็นประจำทุกปี
สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงานวันมหิดล
1. เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณและผลงานของผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมระดับโลก
ให้ปรากฏแก่ มวลสมาชิกทั่วโลก
2. เพื่อเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง
ร่วมกับประเทศที่มีผู้ได้รับการยกย่อมเชิดชูเกียรติ
ในการนี้รัฐบาลไทย
โดยคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ
กระทรวงศึกษาธิการ
จะเป็นผู้สืบค้นบรรพบุรุษไทยผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมเพื่อให้ยูเนสโกประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติแ
ละได้ประกาศยกย่องสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
ทรงเป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมระดับโลก ในวาระครบรอบ 100 ปี
วันพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2535
ประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร
อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม
พระบรมราชชนก มีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช
เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระราชสมภพเมื่อวันที่
1
มกราคม 2434 และสวรรคตเมื่อวันที่ 24
กันยายน 2472 รวมพระชนมายุ 37 พรรษา 8 เดือน 23 วัน
ในเบื้องต้นได้ทรงศึกษาวิชาทหารเรือ ณ
ประเทศเยอรมัน จากนั้นเสด็จกลับเข้ามารับราชการในกองทัพเรือ ต่อมา
ทรงมีอาการประชวรเรื้อรังไม่ทรงสามารถรับราชการหนักเช่นการทหารเรือได้
ประกอบกับทรงสนพระทัยในกิจการทางด้านการแพทย์ จึงทรงพระอุตสาหะ เสด็จไปศึกษาวิชาการสาธารณสุขและวิชาแพทย์
ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงสอบได้ประกาศนียบัตรการสาธารณสุข
และปริญญาแพทยศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ภายหลังทรงสำเร็จการศึกษา
พระองค์ได้ทรงประกอบพระกรณียกิจทางด้านการแพทย์และการสาธารณสุขไว้อย่างมากมาย อาทิ
1. ทรงเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์
2. ทรงช่วยเหลือในการขยายกิจการของโรงพยาบาลศิริราช
3. ประทานทรัพย์สินส่วนพระองค์
และจัดสร้างตึกคนไข้ และจัดหาที่พักสำหรับพยาบาลให้ได้อยู่อาศัย
4. ทรงบริจาคทรัพย์เป็นทุนสำหรับส่งนักศึกษาแพทย์
และนักเรียนพยาบาลไปศึกษาต่อต่างประเทศ
5. ประทานเงินเพื่อใช้ในการจัดหาเครื่องมือ
สำหรับปฏิบัติการให้แก่โรงพยาบาล
6. ทรงเป็นผู้แทนรัฐบาลติดต่อกับมูลนิธิรอคกีเฟลเลอร์
สาขาเอเซียบูรพา ในการปรับปรุง และวางมาตรฐานการศึกษา
7. ทรงอุทิศเวลาส่วนใหญ่ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยด้วยพระองค์เอง
ธงวันมหิดล
การจัดกิจกรรมในวันมหิดล
หน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องได้มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้น
อาทิ
1. กิจกรรมรับบริจาคสมทบทุนศิริราชมูลนิธิ
ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2503 เป็นต้นมา คณะนักศึกษาแพทย์และพยาบาล
มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดกิจกรรมออกรับบริจาคสมทบทุนศิริราชมูลนิธิเนื่องในวันมหิดล
ในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน ของทุกปี
โดยกิจกรรมหนึ่งในการขอรับบริจาค คือ
การจำหน่าย "ธงวันมหิดล" กิจกรรมดังกล่าว เริ่มมีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 ศ.นพ.กษาณ จาติกวนิช
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ได้เสนอให้ศิริราชมีการจำหน่าย
"ธงวันมหิดล"
เพื่อให้ประชาชนทุกฐานะมีส่วนเกื้อกูลผู้ป่วยยากไร้ของโรงพยาบาลศิริราช
ในปีแรกมีการจำหน่ายธงขนาดกลางราคา 10 บาท
และธงเล็กทำด้วยริบบิ้น ราคา 1 บาท
นักศึกษาทุกหมู่เหล่าในวิทยาเขตศิริราช ได้ช่วยกันออกไปจำหน่าย
ซึ่งรายได้ทั้งหมดนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ การรักษาพยาบาล
และเครื่องอำนวยความสุขแก่ผู้ป่วยยากไร้
โดยในครั้งแรกแบบธงวันมหิดลเป็นรูปสามเหลี่ยม
มีรูปพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบรมราชชนก
พิมพ์อยู่ตรงกลางผืนเช่นเดียวกับในปัจจุบัน แต่พิมพ์เป็นรูปสีเขียวบนผ้าขาว
ภายหลังได้มีการเปลี่ยนแปลงให้ใช้ผ้าสีที่ตรงกับวันมหิดลในปีนั้น
และทำสติ๊กเกอร์ขึ้นแทนธงริบบิ้น ต่อมา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ได้ก่อตั้งศิริราชมูลนิธิขึ้นเพื่อบริหารจัดการด้านการเงินให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
คณะฯ จึงมอบให้ศิริราชมูลนิธิ รับผิดชอบการจำหน่ายธงวันมหิดล
ใน พ.ศ.2502 การจำหน่ายธงได้ผลดีเกินคาด
ธงไม่พอสำหรับวันขายใหญ่ "กลุ่มอาสามหาวิทยาลัยมหิดล"
ซึ่งประกอบด้วยนักศึกษาจากทุกคณะ และทุกวิทยาเขตจึงอาสาทำธงให้ โดยระดมทำอยู่ 2 วัน 2 คืน จนมีธงพอจำหน่ายในวันที่ 23 กันยายน ในปีนั้น
ปีต่อมาคณะกรรมการจำหน่ายธงวันมหิดล
จึงมีมติให้จ้างกลุ่มอาสาฯ ทำธงแทนจ้างบริษัทเอกชน
เพราะเล็งเห็นว่านักศึกษาทำได้ดีเทียบเท่ามืออาชีพ
และยังเป็นการสนับสนุนการทำกิจกรรมของนักศึกษา นอกจากนี้ผลกำไรทางกลุ่มอาสาฯ
ยังนำไปสร้าง โรงเรียนในชนบททุกปี เรียกว่าได้บุญ 1 ต่อ
สำหรับสีของธงในแต่ละปีจะตรงกับวันมหิดลในปีนั้นๆ
เช่น ปีนี้วันมหิดลตรงกับวันพุธ ธงจึงเป็นสีเขียว
และเมื่อบริจาคเงินสมทบทุนศิริราชมูลนิธิ จะมีสติกเกอร์วันมหิดล
มอบเป็นของที่ระลึก
2. การจัดนิทรรศการ เช่น
พระราชประวัติ และผลงานของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
3. การจัดสัมมนาทางวิชาการ
เช่น การแพทย์ใหม่ในประเทศไทย
4. การอภิปรายตามแนวพระราชดำริ
เกี่ยวกับการแพทย์ไทย
5. การประกวด
หรือการแข่งขันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การประกวดโรงพยาบาลดีเด่น
6. อื่น ๆ เช่น
การมอบรางวัลให้กับแพทย์ พยาบาล ดีเด่น และผู้เสียสละเพื่อชาวชนบท เพื่อสังคม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น